Monday, September 28, 2009

แหว่งเอ๋ยแหว่งน้อย ..........

แหว่งเอ๋ยแหว่งน้อย
เจ็บตัวไม่ใช่น้อยเร่งรักษา
พอแผลหายแหว่งจะได้รีบกลับมา
กลายเป็นแมวสามขา แต่ยังซน

ได้ประโยชน์หลายสถานเพราะเป็นแมว
จงแง้วแง้วไปเถิดจะเกิดผล
เป็นที่รักเอ็นดูของผู้คน
แมวยากจนอย่างน้องแหว่งต้องแกร่งเอย.............

(อูย...เกือบแถไม่จบบท 555)






ยัยผู้หญิงบ้ากล้องนี่ จะมายุ่งอะไรกะแหว่งนักหนา




ถึงเจ็บอยู่ แหว่งก็สู้โว้ย..... (อย่ามาแหยมกะแหว่งนะ)




แอบอยู่หลังเก้าอี้ก็ยังจะถ่ายอีก




ถึงจะเศร้าที่ต้องตัดขา แหว่งก็ไม่ท้อหรอกนะ




จะเสริมสวยให้แหว่ง แต่แหว่งก็ไม่ยอมคิกขุไปด้วยหรอก




Sunday, September 27, 2009

postcard ช่วยค่าผ่าตัดเจ้าแหว่ง






เจ้าแหว่งเป็นแมวป่วยไม่มีเจ้าของ สิงสถิตอยู่ที่ลานละมุน (โครงการที่ตั้งออฟฟิศ 919 studio)
เดิมที่ก็แหว่งอยู่แล้ว ยังอุตส่าห์เอาขาไปโดนซี่ล้อมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งอยู่
ตอนนี้ก็เลยแหว่งไปทั้งตัว หมอบอกว่าแแหว่งต้องโดนตัดขา กลายเป็นแมวสามขาตัวแรกในเชียงใหม่

ค่าผ่าตัดเจ้าแหว่งค่อนข้างสูง ตอนนี้เจ้าของร้าน + น้องนักศึกษาลูกค้าในลานละมุนก็ช่วยๆกันสมทบทุน
919 เองก็สมทบไปด้วยแล้วพันนึง แต่ก็ยังไม่พอค่าผ่าตัดอยู่ดี

บังเอิญว่าเคยถ่ายรูปเจ้าแหว่ง สมัยยังแหว่งแค่นิดหน่อยเก็บไว้บ้าง
ก็เลยเอารูปที่มี (ที่พอดูได้) มาอัดทำโปสการ์ดขาย เพื่อเอารายได้มาช่วยค่ารักษา (ไม่หักค่าใช้จ่ายเน่อ)

ส่วน ถ้ามีรายได้เหลือ น้องผึ้งกับน้องโต้ง(รุ่นน้องที่คณะ เปิดร้านอยู่ถัดๆกัน)
ที่ตอนนีเป็นธุระพาแหว่งไปหาหมอทุกวัน จะเอารายได้ส่วนเกินไปบริจาคให้กับมูลนิธิสัตว์เร่ร่อนต่อไปค่ะ

ร่ายมาซะยาว
สรุป ก็คือ สำหรับคนที่อยู่เชียงใหม่ ถ้าใครคิดว่ารูปสวย อยากได้ หรือใครคิดว่าอยากช่วยซื้อเพื่อทำบุญ ก็แวะมาถามได้ที่โครงการลานละมุน สุเทพซอย 5 (ถัดซอยวัดอุโมงค์ขึ้นมาซอยนึง)
จะถามที่ร้าน "ถึงเจียงใหม่" ของน้องโต้ง หรือมาถามที่ 919 ก็ได้ค่ะ

ราคารูปละซาวบาท (20 บาท)

ส่วนคนที่อยู่กทม.....
เอ่อ รูปมันก็ไม่ได้สวยมากมายซะด้วยเนอะ (แถมเจ้าแหว่งเป็นไผ ก็มีรุ้จัก ไม่เคยเห็น)

แต่เอาเป็นว่าถ้าอยากได้รูปไปดูเล่น หรืออยากช่วยหมาแมวจรจัด
แล้วสามารถสั่งทีละหลายๆรูป ก็ลองโทรมาบอกก็ได้เนอะ อาจจะใช้วิธีส่งไปรษณีย์เอา

Friday, September 25, 2009

เรื่องเศร้าของชาวเว็บ ...ล่ะมั้ง

สองสามวันก่อน มีเรื่องเศร้าเกิดพร้อมกันอยู่ 3 เรื่อง


มีเด็กวัยรุ่นผู้ชาย กับผู้หญิงที่ดูมีอายุคนนึง ซึ่งคงจะเป็นแม่ เดินเข้ามาในออฟฟิศก้าวหนึ่งก้าว
ตอนแรกก็นึกว่ามาสมัครเรียน แต่กลายเป็นว่า มาถามว่าที่นี่รับทำเว็บไซต์ใช่มั้ย
เค้าจะจ้างทำเว็บประมาณ 10 กว่าหน้ามีเนื้อหาประมาณโน้นประมาณนี้

ดูรูปการณ์แล้วมันแหม่งๆ เพราะต้องการเว็บข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวธรรมดา
ไม่มีสาระใดๆเป็นพิเศษ อัพเดทก็ไม่ได้ ก็ไม่รู้จะเอาเว็บไปทำประโยชน์อันใด
ถามไปถามมา เลยได้ความว่าจะเอาเว็บไปส่งอาจารย์เป็นโปรเจกต์ในวิชาเรียน
(ก็พอจะเดาได้จากท่าทางล่ะนะ)

ก้าวหนึ่งก้าว ก็ถามต่อว่า แล้วทำไมไม่ทำเอง เด็กมันตอบว่า ไม่ได้เข้าเรียนเลยทำไมได้
(ไม่ได้มีความรู้สึกผิดใดๆอยู่ในวลีที่ว่า "ไม่ได้เข้าเรียนนั้น" )
ก้าวหนึ่งก้าวอึ้งไปแป๊บนึง นี่ตูจะเอาตังค์เด็ก แถมส่งเสริมมันโกงตั้งแต่เป็นเยาวชนเลยรึ

อย่ากระนั้นเลย จึงเสนอไปด้วยความเสือกของตัวเองว่า งั้นมาเรียนเอามั้ย ที่นี่รับสอนด้วย
จะได้เอาไปทำเองได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งงานไปส่ง
ค่าสอนทำเว็บถูกกว่าค่าจ้างทำเยอะนะ (บอกราคาเรทต่ำกว่าปกติไปแล้ว มันก็ดูจะอึ้งไป)
เด็กมันก็ยังอ้ำอึ้งว่าเรียนไม่ทันหรอก ต้องส่ง 26 นี้แล้ว

ก้าวหนึ่งก้าวยังลดแลกแจกแถมด้วยความหวังดีปนความเสือกต่อ ว่า
พอจะใช้ photoshop เป็นมั้ยล่ะ ถ้าเป็นก็มีหลักสูตรจานด่วน สำหรับทำเว็บเว็บเดียวไปเลย
เรียนกันสองสามวัน เอาโปรเจกต์มาเลย สอนกัน step by step สอนจบได้เว็บไปส่งเลย
ลดแลกแจกแถมราคาเหลือ 3 วันสองพัน
ตูต้องอดนอนตอนกลางคืนทำงาน เพื่อเอาเวลากลางวันมาสอนมันเต็มวันก็เอา
(สงสัยตอนนั้นต่อมคนดีบวมกระทันหัน เลยไปกดทับต่อมปัญญา)
เด็กมันก็ยังไม่สน กะจ้างอย่างเดียว แต่สู้ราคาไม่ไหว
ว่าแล้วก็ชวนคนเป็นแม่ถอยทัพออกจากร้านไป

ถึงไม่ถอยต่อรองราคาต่อยังไง ก็คงไม่รับทำอยู่แล้ว ทุกวันนี้ก้าวหนึ่งก้าวเหนื่อยจนหลับฝันเห็นงาน
รับงานด่วนค่าจ้างถูกๆมาให้ตัวเองเหนื่อยเพิ่ม ก็บ้าเกินไป
จะทำชุ่ยๆพอให้มันเอาไปส่งอาจารย์ ก็รับตัวเองไม่ได้
จะทำดีๆ เกิดมันดีเกินหน้าเกินตาเพื่อนแล้วได้ A ขึ้นมาก็ไม่ไหว

เรื่องน่าเศร้าเรื่องที่หนึ่งก็คือ
มีเด็กที่ไม่คิดจะทำงานเองไม่คิดที่จะเข้าเรียน
และเห็นว่าการหาทางออกด้วยการจ้างคนมาทำแทนเป็นเรื่องธรรมดา

เรื่องน่าเศร้าเรื่องที่สอง
คือคนเป็นแม่ที่ตามมานั่งด้วยกัน ไม่มีทีท่าว่าลูกทำผิด
เสมือนหนึ่งตามมาเพียงเพื่อพร้อมจะเป็นคนจ่ายทรัพย์ให้
แม้แต่เสนอทางออกใ้ห้มาเรียนด้วยตัวเองแล้ว
ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะส่งเสริมให้คนเป็นลูก เลือกทางออกที่เป็นศิริมงคลแก่ตัวเองแต่อย่างใด

เรื่องน่าเศร้่าเรื่องที่สาม ที่สุดแสนจะเศร้ากว่าเรื่องใดๆก็คือ
คนทั่วไปคิดว่างานออกแบบเว็บไซต์เป็นงานแบบไหน
คิดว่าค่าจ้างทำเว็บซัก 10 หน้า มันคงจะพอๆกับค่าจ้างพิมพ์รายงานซัก 10 แผ่นหรือยังไงกัน
เพิ่งคุยกับผู้อวุโสของวงการคนนึง (กล่าวถึงด้วยความยกย่องนะพี่) ไปว่า
ทุกวันนี้คนมองว่างานออกแบบเว็บไซต์ เป็นงานราคาถูกกว่างานออกแบบสาขาอื่นๆ
ค่าสอนสองพัน ได้เว็บไปด้วยเว็บนึง สองแม่ลูกยังคิดว่าแพงไป

อ้อ
และเรื่องน่าเศร้าเรื่องที่สี่ ที่อาจจะมี (ตูว่ามีแน่ๆ)
ก็คือ เมื่อเด็กคนนั้น และคุณแม่ที่พร้อมจะเป็นสปอนเซอร์เดินพ้นประตูก้าวหนึ่งก้าวไป
ทั้งสองคนคงจะหาคนทำเว็บไปส่งอาจารย์ให้ได้
ในราคาถูกๆตามที่เขาต้องการ แถมใช้เวลาหาไม่นานอีกต่างหาก
เข้ากูเกิ้ล search สองสามแกร๊กก็เจอแล้ว ทั้งเว็บสำเร็จรูปไม่ถึงพัน
ทั้งคนรับจ้างทำเว็บ ราคาเริ่มต้น 200 บาท

เอวัง ทั้งบทความและวงการเว็บไทย ด้วยประการฉะนี้

Thursday, July 12, 2007

ยากจนที่สุดในชีวิต

ครึ่งปีมานี่ เจอวิกฤตในชีวิตหลายๆอย่างจนเล่นเอามึนไปหมด
งานการไม่เป็นอันทำ จนตอนนี้เผชิญสภาพจนกรอบที่สุดในชีวิตเป็นครั้งแรกนะเนี่ย

ใครว่าดูดวงเป็นเรื่องเหลวไหล
ปีที่แล้วกราฟชีวิตบอกไว้ว่าจะเป็นปีที่ดีสุดๆ
ก็ดีจริงๆนะ รายได้ดี มีงานเยอะแยะ
ฟลุ๊คได้ไปเมืองนอกเมืองนาแบบได้ทั้งเที่ยวได้ทั้งตังค์

ส่วนปีนี้กราฟชีวิตตกต่ำที่สุด
ซึ่งก็ตกต่ำจริงๆนั่นแหละ
ม่ายมีรายได้เลยครึ่งปี ตัวเลขในบัญชีติดลบ
อกหักแฟนทิ้ง สุขภาพย่ำแย่
เหลืออีกครึ่งปี หวังว่าคงไม่ซวยขนาดเจออุบัติเหตุแถมด้วยหรอกนะ

สรุปแล้วกราฟชีวิตนี่มันก็แม่นใช้ได้นะ
ทั้งๆที่ตอนแรกก็ไม่เชื่อ เพราะปลายปีที่แล้วทำท่าว่าจะรุ่งแท้ๆ เฮ้อ...

แต่งานนี้ก็มีข้อดีอยู่บ้างนะ
1. ได้กลับบ้านนอกไปอยู่กะพ่อแม่ (แถวบ้านเรียกกลับไปตายรัง)
2. ได้ผอมโดยไม่ตั้งใจ ทั้งๆที่คิดว่าชาตินี้จะไม่มีวันผอมอีกแล้ว



ปล. เรื่องดวงนี่ก็นานาจิตตังนะไม่แม่นทุกครั้งหรอก
วันก่อนมีพี่คนนึงเค้าว่าเค้าเรียนดูลายมือมา
เลยดูให้ เค้าว่าชาตินี้ไม่มีลำบาก ไม่ทำกินก็อยู่ได้
เหอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ซะที่ไหนล่ะเพ่!!!!)